Hokkaido หน้าร้อน กับการวางแผน
ฮอกไกโดอย่างที่รู้กันอยู่ว่ามันเป็นภูมิภาคที่มีช่วงน่าสนใจสองช่วงใหญ่ๆสำหรับคนไทย(และจีน) คือช่วงเทศกาลหิมะ และก็ช่วงลาเวนเดอร์ เนื่องจากหน้าหนาวเราไปมาแล้ว คราวนี้มีโอกาสได้ไปหน้าร้อนบ้าง
การวางแผน เตรียมตัว
วางแผน
การอ่านดูว่าแต่ละที่มีอะไรบ้าง เราก็พึ่งพาหนังสือเจ้าประจำอยู่เหมือนเดิม
- หนังสือของ DPlus Guide อีกแล้ว คราวนี้คือเล่มนี้ “ตะลุยฮอกไกโด [edition 2]” (http://www.dplusshop.com/p/129) ความดีงามของเล่มนี้คือข้อมูลค่อนข้างเยอะ แล้วกระดาษเบา ไม่หนักกระเป๋า
- หนังสือเที่ยวของญี่ปุ่น – ถึงจะอ่านไม่ออก แต่ใช้ Google Translate ช่วยได้ ข้อดีคืออาจจะมีที่เที่ยว หรือร้านอาหารที่ไม่อยู่ในสายตาคนไทย หาได้ที่ Kinokuniya ที่ CTW (แต่ไปโทโฮคุคราวที่แล้วก็ขนมาหลายเล่มเลย)
เลือกที่ได้ ก็ปักหมุดใน Google Maps และคราวนี้ต้องเช่ารถขับด้วย การหาระยะเวลาการเดินทางก็ค่อนข้างจำเป็น ลองกดหาเส้นทางขับ จะได้กะระยะถูก
เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
หน้าร้อนของที่นู่นเรียกได้ว่าแทบจะเหมือนหน้าหนาวของกรุงเทพฯ คืออุณหภูมิประมาณ 25 องศา ตอนเช้าๆและค่ำๆก็เย็นๆนิดๆ แต่ตอนกลางวันแดดก็เปรี้ยง และถ้าเราจะไปชื่นชมธรรมชาติ ก็คงหลบแดดกันไม่ได้ ครีมกันแดดก็สมควรทา หมวกก็ควรหาใส่
การแต่งกาย อาจจะหาแจ็คเก็ตบางๆไว้ใส่ตอนเช้าๆกับเย็นๆก็พอ ไม่ต้องฮีทเทค เสื้อกันหนาวขนเป็ดสีแสบสันนะ การแต่งกายทั่วไปก็เหมือนกับหน้าร้อนบ้านเรานี่หละ ยิ่งถ้าลงมาโตเกียวด้วยก็ร้อนเลย สังเกตุคนญี่ปุ่นมักใส่เสื้อกันสองชั้น เสื้อยืดข้างใน กับเสื้อเชิ้ตแขนยาวข้างนอก จะลองแต่งตัวแบบนี้ก็ได้นะ ส่วนสาวๆก็ตามสะดวก ขาสั้นก็ได้ (แต่อย่าเสื้อกันหนาวขนฟูฟ่องเลย ขอร้อง)
ฝนก็มีบ้าง เช็คพยากรณ์อากาศกันด้วย มีผลต่อการวางแผนเที่ยว
เช่ารถ
- ไปงานท่องเที่ยว ไปขอคู่มือการขับรถ มา (จริงๆก็มีให้โหลด แต่กระดาษมันเปิดหานู่นนี่เร็วกว่า) ในนั้นจะมีกฏการขับรถ เติมน้ำมัน อ่านป้ายบอกทาง เบสิคพื้นฐาน อ่านให้เข้าใจก่อนเพราะว่าเดี๋ยวไปชนคนอื่นเค้า
- ต้องจองรถล่วงหน้าไปก่อน เว็บที่จองก็มีหลากหลาย คราวนี้ลองใช้ JR Rent a Car ดู ก็โอเคนะแต่รถไม่ค่อยใหม่ และอะไรๆก็ภาษาญี่ปุ่นซะเยอะ
- เราไปกันสี่คนเลือกรถหกที่นั่ง (พวก Toyota Wish) เพราะว่ากระเป๋าใหญ่ๆสี่ใบมันใส่รถสี่ที่นั่งไม่พอ
- ขับจากที่นึง ไปส่งรถอีกที่นึง (คนละโซน) จะเสียเงินเพิ่ม
- น้ำมัน บางที่ต้องเติมเอง (ไม่ยาก แค่เมนูญี่ปุ่นล้วน ><“) แต่ในเมืองก็จะมีคนเติมให้ แล้วเค้าให้เก็บใบเสร็จไปยืนยันตอนคืนรถด้วย
- จีพีเอส บางครั้งจะได้แค่เสียงภาษาอังกฤษ กับเมนูภาษาอังกฤษเท่าที่จำเป็น (คือแค่ตอนกดเลือกที่จะไป กับเสียงนำทาง เมนูซับซ้อนๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นหมด ก็อย่าไปกดเล่น)
- ควรจะเลือกเหมาบัตรทางด่วน (ETC) จะคุ้มกว่าถ้าต้องขับไกลๆ ถ้าไม่มีให้เลือกตอนจองรถ ก็ต้องถามเค้าตอนไปเอารถนะ (บอกไปว่า ETC ก็น่าจะเข้าใจ)
อาหารการกิน
- คราวนี้ Royce มีขายเหมือนๆกับในสนามบินแล้ว ไม่ต้องรีบกินก็ได้
- แต่ขนมบางอย่างก็ยังหาซื้อที่นาริตะไม่ได้ เช่นเยลลี่เมล่อน มันฝรั่งเคลือบชีสของ Potato Farm หรือชีสเค้ก Snaffle’s แต่บางอย่างก็มี เช่นป็อกกี้เมล่อน
- หน้าร้อนนี้ดูเหมาะกับการไปนั่งชิวตามร้านในบ้านนอกนะ บรรยากาศดี
- ส่วนของกินก็จะมีเมล่อน (หวานจริงจัง เบาหวานขึ้น) ซอร์ฟครีม นม ผลิตภัณฑ์จากนม (อย่างเช่นชีส) – แต่นมที่นี่ออกจะใสๆนะ ไม่ใช่มันข้นอย่างที่อยากให้เป็นกัน และก็ปลาดิบ อย่างเช่นหอยเชลล์ ไข่หอยเม่น (คือจริงๆก็คือเพิ่มเติมจากหน้าหนาว พวกของที่ปลูกได้) ส่วนปู กินยังไงก็ไม่อร่อย
- พวกร้านของกิน เราหาตามหนังสือเที่ยวของญี่ปุ่น (เป็นภาษาญี่ปุ่น) ซะส่วนใหญ่ คือมันดูไม่เหมือนที่คนอื่นไปกินกัน (อย่างบุฟเฟ่ต์ปู มันน่าเบื่อ) แล้วมันดูน่าสนใจดีว่าเค้าชอบอะไรกัน
สถานที่เที่ยว
อันนี้แนะนำคร่าวๆ เพราะคิดว่ากว่าจะได้เขียนละเอียดคงอีกนาน
Furano / Biei
แถบนี้ถ้าไปก็จะได้ชื่นชมความงามของดอกไม้ และทิวทัศน์ ซึ่งเราว่า Biei นี่งามเลยหละ แต่คนอื่นๆเค้าคงจะมีขีดจำกัดในการชมต้นไม้ใบหญ้า เนินเขา ดังนั้นเราขอประมาณว่าไปฟุราโน่หนึ่งวัน บิเอะอีกหนึ่งวัน แค่นี้ก็พอ
Furano นี่มีสวนลาเวนเดอร์เยอะมาก ที่ฟาร์มโทมิตะก็นักท่องเที่ยวยุบยับ ถ้าเป็นไปได้ลองค้างคืนในแถบนี้ดู แล้วไปตอนเช้าๆ
รถ จำเป็นต้องมี จักรยานก็เช่าได้นะ แต่เราว่ามันไกลอยู่ สำหรับจุดดูต้นไม้แต่ละที่ (มีขึ้นเนินอีก)
Side Trip
- Cherry Farm – Ohashi – http://www.oh-cherry.com/foreign/english/english.html
Sapporo
เมืองใหญ่สุดในเกาะฮอกไกโดนี้ เราว่าถ้าจะให้มีที่เที่ยว ก็เที่ยวได้เยอะอยู่ แต่ที่ไปมาอยู่แค่วันนิดๆ รู้สึกว่าน้อยไป
- กินอาหารทะเลที่ตลาดปลาตอนเช้า (มีสองที่ Nijo กับ Curb – เราไป Curb เพราะเป็นทางผ่านไปโรงงานช็อคโกแลต)
- ไปโรงงานช็อคโกแลต (แต่ถ้าไม่อินก็ไม่ต้องไปก็ได้)
- ดูสถานที่สำคัญในเมือง หอนาฬิกา ศาลาว่าการเก่า อะไรแบบนี้
- ร่วมกิจกรรมหน้าร้อนในสวนโอโดริ
- ออกไปนอกเมืองไปสวน Moerenuma
- ขึ้นกระเช้าชมตัวเมือง (ตอนพระอาทิตย์ตก) ที่ภูเขา Moiwa
Side Trip
- โอตารุ
- ฟาร์มเชอร์รี่ – เหมือนจะเลยโอตารุไป
เมืองนี้เหมาะแก่การอยู่วันท้ายๆของการไปเที่ยวเพราะว่าที่ช้อปเยอะมาก และสนามบินก็มีของให้ซื้อเต็มไปหมด (ในกรณีกลับไทยเลย) อยู่สักสามวัน (รวมโอตารุ) ก็ได้
Toya vs. Noboribetsu
เป็นคำถามในหัวว่าจะไปที่ไหนดีระหว่างสองที่นี้… เราว่าทะเลสาปโทยะดีกว่า เพราะว่ากิจกรรมมันมีเยอะ ยิ่งในหน้าร้อนนี่เรือล่องทะเลสาบยังไปปล่อยไว้ที่เกาะตรงกลางได้ด้วย ตอนกลางคืนก็มีจุดพลุด้วย และวิวสวย (ทุกฤดู)
แต่ทัวร์ลงเยอะ ทั้งไทยทั้งจีน และก็ของฝากอาจจะมีไม่เยอะ
ส่วน Noboribetsu มีแค่ดูบ่อนรก กับทะเลสาบน้ำร้อน ตัวเมืองให้เดินก็มีนิดเดียว
ถ้าเป็นแผนของคนญี่ปุ่น(ในหนังสือ) เค้าจะให้ขับรถไปที่โทยะก่อน ทำกิจกรรม แล้วค้างคืนที่นั่น แล้วอีกวันก็ขับไปแวะโนโบริเบทซึอีกวันก่อนกลับซัปโปโร
Hakodate
ฮาโกดาเตะนี่ไปมาสองครั้ง ครั้งแรกไปแค่วันเดียวซึ่งก็เก็บจุดได้ครบ ครั้งนี้ไปนอนสองคืน ก็ไปที่เดิมๆหละ แต่มีเพิ่มเติมคือเรื่องการเดินทาง
การเดินทางในเมือง – นอกจากรถรางแล้วยังมีรถบัสวิ่งรอบสถานที่ท่องเที่ยว ไปถึงจุดขึ้นกระเช้าเลย ซึ่งเราว่าดี ไม่ต้องเดินไกล รอบสุดท้ายประมาณหกโมงเย็น หรือว่าถ้าอยากประหยัดค่ากระเช้าก็มีรถบัสที่วิ่งขึ้นถึงยอดเขา มีช่วงเย็นๆ
Plan
อันนี้สมควรเอาไปปรับปรุง อย่างแรกคือลงฮาโกดาเตะ แล้วกลับชิโตเสะ เพราะว่ามันจะช้อปปิ้งไม่ถนัด
- วันที่ 1 – กรุงเทพฯ – นาริตะ – ชิโตเสะ – ฟุราโนะ
- เช่ารถแล้วขับไปฟุราโนะ (ไปทาง Ohibiro)
- วันที่ 2 – ฟุราโนะ – ฟาร์มเชอร์รี่ – บิเอะตอนใต้ – อาซาฮิคาว่า
- ถ้าไม่แวะฟาร์มเชอร์รี่ก็จะได้เที่ยวแบบไม่ต้องรีบ แต่ทริปนี้มีคนอยากไป ก็เลยต้องไป
- อาซาฮิคาว่ากว่าจะไปถึงก็มืดแล้ว ร้านของกินปิดหมด
- วันที่ 3 – บิเอะครึ่งเช้า – ซัปโปโรครึ่งบ่าย (คืนรถ)
- กินข้าวที่บิเอะ
- วันที่ 4 – ซัปโปโรทั้งวัน
- ตลาดปลา
- โรงงานช็อคโกแลต
- อาคารว่าการเก่า – หอนาฬิกา
- ครึ่งบ่ายช้อป (จริงๆไปโอตารุก็ได้ แต่คนแก่ไม่ไหวกัน)
- วันที่ 5 – โนโบริเบตสึ – โทยะ
- เช่ารถ
- นอนโทยะ (ดูพลุตอนกลางคืน – แต่ฉากหลังมืดสนิท)
- วันที่ 6 – โทยะ – ฮาโกดาเตะ
- ขึ้นกระเช้าอุซุ
- มีแวะอุทยานโอนุมะนิดหน่อย
- คืนรถที่ฮาโกดาเตะ
- ฮาโกตาเตะตอนที่ไปนี่เมฆลง ดูจุดชมวิวไม่ได้ (คือขึ้นไปแล้วเสียเงิน)
- วันที่ 7 – ฮาโกดาเตะทั้งวัน
- ตลาดปลา
- ป้อมห้าแฉก
- ย่านเมืองเก่า
- โกดังแดง
- วันที่ 8 – ฮาโกดาเตะ – ฮาเนดะ – โตเกียว
- วันที่ 9 – คาวาโกเอะ (ครึ่งเช้า)
- วันที่ 10 – อาซากุสะ – โตเกียวสกายทรี – นาริตะ – กรุงเทพ
- Herman Miller Aeron Chair - 11 Apr 2020
- อัพเดทของเล่น ณ ตอนนี้ - 19 May 2019
- #หมดpassion - 10 Nov 2018